เมื่อคืน Apple เปิดตัวอุปกรณ์ Mac mini, MacBook Air และ MacBook Pro 13″ รุ่นใหม่ ที่ใช้ชิปสถาปัตยกรรม ARM หรือชิป Apple Silicon แทนที่ x86(intel)ภายใต้ซีรีส์ใหม่ “Apple M1”

ชิป Apple M1 เป็นชิปที่มีการพัฒนาสูงมากๆโดยใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 5NanoM มีจำนวนทรานซิสเตอร์ทั้งหมด 16,000 ล้านตัว ใส่ที่จำเป็นเอาไว้ในชิปเดียว เรียกว่าเป็นการนำ CPU, GPU, Neural Engine, I/O และอีกมากมายมารวมอยู่ ในชิพขนาดจิ๋วเพียงชิ้นเดียว ซึ่งเมื่อผนึกกำลังกับ macOS Big Sur ใหม่แล้ว ชิพ M1 จึงมีความเร็วแบบแรงสุดขีดในชิพระดับเดียวกัน โดยเป็นชิปแบบสถาปัตยกรรม ARM แบบในมือถือ ซึ่งก็จะทำให้เราสามารถใช้งานข้อมูลต่างๆในมือถือร่วมกับอุปกรณ์ Mac ได้ดีขึ้น

Apple M1 ของ Apple ได้โฆษณาไว้ว่าเป็นชิปที่มีหัวคอร์เดี่ยวที่รวดเร็วที่สุดในโลก โดยจะแบ่งเป็น 4 + 4 Core โดย 4 Core แรกจะเป็น “High Performance Core” ซึ่งเป็นชิปที่จะเน้นด้านพลังการประมวลผล มี L2 Cache 12MB และอีก 4 Core เป็น “High Efficiency Core” หรือคอร์ที่เน้นประสิทธิภาพพลังงาน มี cache L2 4MB

Apple M1 เป็นชิปที่มีประสิทธิภาพต่อกำลังวัตต์ดีที่สุด การใช้กำลังไฟเท่ากันจะให้ประสิทธิภาพที่มากกว่า เมื่อเทียบกับชิป x86 ชิป Apple M1

CPU Core ของ Apple M1 ที่เร็วที่สุดในโลก แต่ชิปประมวลผลภายในที่มีจำนวนคอร์ถึง 8 Core ก็เป็นชิป iGPU ที่แรงที่สุดในโลก

Apple M1 จะถูกนำไปใช้ในอุปกรณ์อย่าง Mac mini, MacBook Air และ MacBook Pro 13 รุ่นสองพอร์ต

Macbook Air โน้ตบุ๊คที่บางและเบาที่สุดของเราที่อัดฉีดพลังแรงโดยชิพ M1พร้อม CPU อันทรงพลังจาก Apple และกราฟิกที่เหนือชั้นไปอีกระดับทั้งยังเงียบสนิทด้วยดีไซน์แบบไม่มีพัดลม พร้อมแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 18 ชั่วโมง

ชิพ M1 มาอยู่ใน MacBook Pro แล้ว ซึ่งเป็นขุมพลังแรงขึ้นมหาศาลพร้อมด้วยกราฟิกอันน่าทึ่ง ทั้งยังมี Neural Engine สุดล้ำเพื่อการเรียนรู้ของระบบที่ดียิ่งขึ้น ไปจนถึงหน่วยความจำแบบรวมที่เร็วสุดขั้ว แถมยังมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานสูงสุด 20 ชั่วโมง ซึ่งนับว่านานที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน Mac

ชิพ M1 ยกระดับ Mac mini ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยประสิทธิภาพอันน่าทึ่งกราฟิกที่รวดเร็ว หน่วยความจำแบบรวมที่เร็วสุดขั้ว และ Neural Engine อันทรงพลังซึ่งทั้งหมดนี้คือการนำความสามารถที่ไม่เคยมีมาก่อนมาสู่เดสก์ท็อปสุดอเนกประสงค์ที่ทำได้ทุกอย่างของเรา