แมนตาไว ชื่อนี้ฟังดูอาจดูไกลจากชีวิตประจำวัน เคยเห็นแต่รูปชนเผ่าที่ยังคงวิถีเดิม ที่เดินทางสวนกับเวลา วิถีที่ยังคงมีอยู่พอได้มาสัมผัสแมนตาไวต่างจากที่คิดไว้เยอะมาก
แต่ละที่ แต่ละคน เดินทางกันไกลมาก ต้องใช้เวลาในการตามหารวมตัวกัน เพราะคนเผ่าแมนตาไว อยู่ในป่าลึกเดินเท้าหลายชั่วโมงกว่าจะถึง การติดต่อสื่อสารยากลำบาก ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไกด์ติดต่อกับเขายังไงถึงตามตัวคนที่เหลือมาได้อาหารการกินก็กินพวกพวกของป่า สัตว์ป่า สาคู
เราก็ไปพักกับบ้านญาติลูกๆหลานๆที่เขาเป็นคนสมัยใหม่ใส่เสื้อผ้าตามสมัยนิยม แต่แมนตาไวแก่ก็ยังคงใช้ชีวิตในแบบดั้งเดิมในที่ๆเงินไม่มีค่า ไม่จำเป็นในการดำรงชีวิต ไม่มีการนับเวลาหรืออายุ ชีวิตดำเนินไปอย่างช้าๆ สวนทางกับการเปลี่ยนแปลงของโลกเราเดินทางมากขึ้น เห็นอะไรมากขึ้น เห็นตัวตนของเรามากขึ้น
โทรศัพท์มือถือชาจไว้เต็มใช้ได้3วัน ใช้แต่เปิดดูรูปตัวอย่าง ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต ชีวิตดูเหมือนช้าลง แต่ก็มีบางที ที่นิ้วหัวแม่มือไปแตะไอคอนสีฟ้ารูปตัวเอฟ ทั้งที่ไม่มีเนต มันอาจเป็นความเคยชินที่เราทำทุกวัน จนเคยชินว่าเปิดมือถือมาจะต้องเข้าไปเช็ค มีอะไรไหม ดูเรื่องของคนอื่น ดูบ้านเมือง ดูข่าวดารา ดูดราม่าอะไรพอเราอยู่กับตัวเองโดยที่ตัดขาดจากมัน
หนึ่งในสามของชีวิตเราได้กลับคืนมา เอาเวลานั้นไปทำอย่างอื่นได้อีกเยอะ แต่ก็ไม่ทั้งหมด เราก็ยังมีกิเลสหนาที่ยังไม่ได้บรรลุ ยังมีความต้องการอยู่เรื่อยไปเราเสพติดสิ่งอำนวยความสะดวกเราก็ลืมความยากลำบาก ผมเคยคิดเล่นๆว่าหากวันหนึ่งโลกนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้ เงินไม่มีค่าซื้ออะไรไม่ได้ เราต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว คิดว่าใครจะสามารถอยู่ด้วยตัวของเขาเองได้ คำตอบในใจของผมก็คงเป็นชาวนา ปลูกข้าว เลี้ยงปูปลา หาอาหารที่มีในท้องถิ่นกิน
แต่คำตอบใหม่ในใจผมก็คงจะเพิ่มชนเผ่าแมนตาไวเข้าไปแล้ววกเข้ามาเรื่องการเดินทาง บ้างจัดได้ว่าลำบากซึ่งก็แตกต่างจากที่ไปมองโกลเลียอยู่ นั่นก็เดินทางไปแรนเดียไปกับ6วัน อากาศหนาวติดลบ อยู่แต่ในรถ
แต่นี่ก็ลำบากใช่ย่อย
28 กันยายน 2560 วานรนิวาส ขับมอไซต์ไปจอดที่สนามบินสกลนคร ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
28 กันยายน 2560 สกลนคร บิน1ชั่วโมงไปกรุงเทพมหานคร
29 กันยายน 2560 ทำงานถ่ายรูปรับปริญญา
30 กันยายน 2560 ตีห้า ตื่นอาบน้ำเดินทางโดยเทกซี่ไปสนามบิน ถึงหกโมงเช้า เช็คอิน บิน 8.30 น. ถึง สนามบินมาเลเชีย 11.00น ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋า กินข้าวแล้วต่อเครื่องไป สนามบิน Padang ประเทศ อินโดนีเซีย ใช้เวลา 2ชั่วโมง ถึง ปาดังก็ค่ำแล้ว 18.00 กว่าๆก็ออกไปกินข้าว นอน
1 ตุลาคม 2560 6.30 น. ออกจากที่พัก แมนตาไวทัวร์เกสเฮ้าท์ ไปขึ้นเรือ Mentawai Fast 7.00 ถึงท่าเรือแรก 10.00 ท่าเรือที่สอง 12.00 พักกินข้าว 13.30 เดินทางต่อโดยใช้เรือสปีดโบท ใช้เวลาอีกชั่วโมงกว่าถึงเกาะ Sibirut พักที่พักโฮมสเตย์ บ้านพี่อู๊ด
2 ตุลาคม 2560 8.30 ออกเดินทางไปอยู่กับชนเผ่าแมนตาไวถึง หมู่บ้าน Kulukubug ใช้เวลาเดินทางสามชั่วโมง กินข้าวพักออกไปถ่ายรูปคนตกปลา แต่ฝนก็ตก เลยค่าเวลาด้วยการถ่ายในบ้าน
3 ตุลาคม 2560 8.30 หลังจากกินอาหารเที่ยงเราก็ออกเดินทางไปยังน้ำตก ฉากนักรบในป่าและน้ำตก ใช้เวลาเดินลุยโคนอีก30 นาที
4 ตุลาคม 2560 8.30 ถ่ายซีนเรือในลำธาร เสร็จกินข้าวเก็บของมานอนที่ Sibirut ที่เดิมที่นอนในวันที่ 1 ตุลา ใช้เวลาเดินทางโดยเรือหางยาว 2 ชั่วโมงเพราะขับตามน้ำไป
5 ตุลาคม 2560 10.00 ออกจากโฮมสเตย์กลับเรือใหญ่ แมนตาไวฟาส ถึงเกาะ Sikabuluan แวะกินข้าว 15.00 เดินทางต่อไปปาดัง เย็น
6 ตุลาคม 2560 5.00 ตื่นเก็บของไปสนามบิน ปาดังเพื่อต่อเครื่องไป มาเลเซีย และกลับไทย
7 ตุลาคม 2560 12.30 บินจากดอนเมืองถึง สนามบินสกลนคร รับกระเป๋า ขับมอไซต์กลับวานรนิวาสสรุปเดินทางไปถึงชนเผ่าใช้เวลา2วันครึ่ง ไปกลับ 5วัน
ถ่ายจริงสองวัน เวลาที่เหลือๆก็อ่านหนังสือ กินยาแก้เมาเรือ หลับ ตื่น กินข้าว กับข้าวก็คล้ายๆบ้านเราเลยไม่มีปัญหา ข้าว แกงเผ็ด แกงกะทิ ผัดมาม่า ผัดข้าว ง่ายๆ นอนรวมแถวยาวเป็นปลาสลิดตากแห้ง และต้องมีมุ้งกางไม่งั้นยุงหาม
หมู่เกาะแมนตาไว ประกอบไปด้วยเกาะเล็กๆอีกหลายเกาะ นับถือศาสนาคริสต์คริสต์ อิสลามบางส่วน ทางการให้เลือกนับถือได้ตามศรัทธา แต่ไม่ให้มีการนับถือผี หรือจิตวิญญาณ อินโดนีเซียมีภาษาพูด ไม่มีภาษาเขียนแต่ยืมตัวอักษรภาษาอังกฤษมาใช้เขียนเดี๋ยวมาเล่าใหม่นะ เหนื่อยวันนี้เดินทางทั้งวัน เมาเรือปล.ใครขโมยรูปจะเช่งให้เลย เดินทาง กิน นอน ลำบากขนาดนี้ ฮึๆ